การอบสมุนไพร
การอบสมุนไพรเป็นการดูแลสุขภาพตามภูมิปัญญาไทยอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะใช้กับสตรีหลังคลอดลูกเหมือนการประคบสมุนไพรแล้วยังมักใช้ควบคู่กับการนวดไทย หลักการของการอบสมุนไพรคือการต้มสมุนไพรกับน้ำจนเดือดเพื่อให้ไอน้ำหรือน้ำมันหอมระเหยสัมผัสกับผิวหนัง และเข้าสู่ร่างกายโดยทางผิวกายและการหายใจ ไอน้ำร้อนจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ช่วยขยายรูขุมขนทำให้ร่างกายขับเหงื่อและของเสียต่างๆ ออกจากร่างกาย ทำให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้น ละลายเสมหะ และทำให้ขับออกมาได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยลดการอักเสบและบวมของเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนต้น ช่วยลดการระคายเคืองในลำคอได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับสตรีหลังคลอดลูก การอบสมุนไพรจะช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น และช่วยขับน้ำคาวปลา ซึ่งเป็นของเสียที่ตกค้างในร่างกายหลังจากการคลอดบุตร นับได้ว่าน้ำคาวปลานี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบภายในของผู้หญิงเเปรปรวนและเสื่อมโทรมอย่างมาก ซึ่งก็สามารถตอบได้ว่าเป็นการช่วยขับน้ำคาวปลาที่ดีที่สุดอีกช่องทางหนึ่งค่ะ เพราะน้ำคาวปลาไม่มีประโยชน์สำหรับร่างกายจึงจำเป็นที่สุดที่จะต้องขับออกมาเป็นการบำบัดร่างกายสำหรับคุณแม่หลังคลอด เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ให้มีสิ่งสกปรกหลงเหลือติดค้างอยู่ในมดลูก และเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับมดลูกได้อีกช่องทางหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ
เรามารู้จักน้ำคาวปลากันก่อนนะคะ เพื่อจะได้รู้ว่าเพราะอะไรเราถึงจะต้องขับออกมาจากร่างกายหลังจากคลอดบุตร
น้ำคาวปลา คือ สิ่งที่ขับออกมาจากแผลภายในมดลูก ตรงบริเวณที่รกเกาะอยู่ มีลักษณะเป็นเลือดปนน้ำเหลืองมีฤทธิ์เป็นด่าง ประกอบด้วยเลือด น้ำคร่ำ และสิ่งต่างๆ ที่ค้างอยู่ในโพรงมดลูก มีกลิ่นเฉพาะ ไม่เหม็นเน่า และจะค่อยๆ จางจนหมดไปภายใน 7-21 วัน หลังคลอด
น้ำคาวปลาแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
- Lochia Rubra ในระยะ 1 - 3 วันแรกหลังคลอด สิ่งที่ขับออกมามีลักษณะสีแดงคล้ำและข้น ประกอบด้วยเลือดเป็นส่วนใหญ่ น้ำคร่ำ เศษเยื่อหุ้มเด็ก ขี้เทา ลักษณะเลือดไม่เป็นก้อน
- Lochia Serosa ในระยะ 4 - 14 วันต่อมา สีจะจางลงเป็นสีน้ำตาล หรือค่อนข้างแดงจาง ประกอบด้วยเลือด น้ำเหลืองจากแผล เม็ดเลือดขาว เยื่อบุโพรงมดลูกที่สลายตัวแล้ว และมูกจากปากมดลูก
- Lochia Alba ตั้งแต่วันที่ 14 - 6 สัปดาห์หลังคลอด น้ำคาวปลาจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีครีม มีความหนืดมากขึ้นประกอบด้วย เยื่อบุโพรงมดลูกที่สลายตัวแล้ว เม็ดเลือดขาว มูก หรือน้ำเมือกและจุลินทรีย์เล็กๆ
นี่คือคุณลักษณะของน้ำคาวปลาที่คุณควรสังเกตค่ะ หลังจากการคอดบุตรมีประโยชน์มากๆนะคะควรสังเกตทุกๆ ช่วงเพื่อเป็นการดูแลสุขภาพของร่างกายและเป็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากคลอดบุตรค่ะ
ประโยชน์ของการอบไอน้ำสมุนไพร ด้วยตู้อบไอน้ำสมุนไพรกรือการเข้ากระโจมอบตัวนั้น
ทราบกันหรือยังมันมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดนะคะ
- ช่วยทำความสะอาดผิวพรรณ ขับสารผิดที่ติดอยู่ตามรูขุมขน ที่ผิวหนังช่วยขับเหงื่อ
- ช่วยสลายไขมันในส่วนที่ซ่อนเร้น ให้ถูกขับออกมากับการขับเหงื่อในขั้นตอนของการอบสมุนไพรหรือการเข้ากระโจม
- ช่วยทำให้เลือดลมในร่างกายเดินสะดวก อีกทั้งยังช่วยในเรื่องสิว ฝ้าต่างๆ หากใช้เป็นประจำ
- ลดอาการปวดเมื่อย ตามข้อ เส้นเอ็น หัวเข่า แขน ขา
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาหารเป็นหวัดเรื้อรัง หากใช้ก่อนเข้านอน จะช่วยให้อาการดีขึ้นนอนหลับสบาย
- หญิงหลังคลอดลูกใช้ แทนการอยู่ไฟ ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
เมื่อเราอบสมุนไพรร่วมกับการนวดไทย จะช่วยแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ และช่วยคลายเครียด การอบสมุนไพรยังใช้ร่วมกับการนวดในการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้ดี นอกจากนั้นการอบสมุนไพรยังอาจช่วยควบคุมน้ำหนัก สลายไขมันที่เกาะแน่นตามสัดส่วนต่างๆ ที่ไม่พึงปรารถนาในร่างกายของเราแล้ว อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และลดอาการบวมน้ำของร่างกายฟื้นฟูระบบการทำงานของร่างกายได้หลายส่วนด้วยเช่นกัน
วิธีขับเหงื่อหรือการออกกำลังกายที่แนะนำให้ทำก่อนที่จะอบสมุนไพร ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นการทำงานได้เสริมสร้างประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีขึ้นค่ะ
การขับเหงื่อเพื่อกระตุ้นการขับพิษทางผิวหนัง ได้แก่
การออกกำลังกายนับเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดที่สุด ทั้งยังส่งผลดีต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมทั้งระบบไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้แพทย์แผนไทยยังแนะนำเคล็ดลับในการออกกำลังกาย ที่เหมาะสมและได้ประโยชน์สูงสุด สำหรับคนแต่ละธาตุไว้ดังนี้
- คนที่เป็นปิตตะ (ธาตุไฟ) ควรออกกาลังกายแบบเรื่อยๆ เบาๆ เช่น ว่ายน้ำ เดิน
- คนที่เป็นวาตะ (ธาตุลม) ควรออกกาลังด้วยการเคลื่อนไหวที่มีลีลาและเป็นจังหวะ เช่น ฤๅษีดัดตน โยคะ
- คนที่เป็นเสมหะ (ธาตุน้ำ) ควรออกกาลังกายกลางแจ้ง เน้นกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวมากๆ และรวดเร็ว เช่น แบดมินตัน ฟุตบอล วิ่ง
ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานและการฟื้นฟูสมรรถภาพภายในร่างกายได้ดีทุกส่วน แนะนำให้ใช้ร่วมกับการอบสมุนไพรนะคะ ถือได้ว่าเป็นการออกกำลังกายในขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ไม่มีความซับซ้อนอะไร และทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยค่ะ
คำแนะ ของการอบสมุนไพรและการอาบน้ำสมุนไพรมีประโยชน์อย่างไรต่อคุณ??? ทราบหรือไม่
นั่นเป็นสิ่งที่คุณควรรู้เพื่อให้เกิดความมั่นใจก่อนที่จะอบสมุนไพรทุกครั้งค่ะ
“การอบสมุนไพร” มีสรรพคุณเป็นที่ยอมรับมาแต่โบราณ ว่าให้ผลที่ดียิ่งในการบำบัดโรคและฟื้นฟูสุขภาพ โดยในช่วงแรกแพทย์แผนโบราณหรือหมอพื้นบ้านจะใช้วิธีนำสมุนไพรมาต้มแล้วนำน้ำที่ได้มาอาบ ให้ตัวยาแทรกซึมเข้าทางผิวหนังเพื่อรักษาโรคเรียกว่า “การอาบน้ำต้มสมุนไพร” ต่อมาจึงได้พัฒนามาเป็น “การอบสมุนไพร” โดยการนำสมุนไพรหลายๆ ชนิดมาต้มรวมกันแล้วค่อยๆ ปล่อยให้ไอน้ำระเหยออกมายังร่างกายของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง วิธีนี้เป็นที่ยอมรับกันว่าสามารถทำให้ตัวยาแทรกซึมเข้าผิวหนังได้ดีกว่าเดิม และยังส่งผลให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ขณะเดียวกัน เลือดก็จะลำเลียงสิ่งตกค้างที่ร่างกายมีมากเกินความต้องการออกมาขับทิ้งทาง “รูเหงื่อ” ได้สะดวกขึ้นตามไปด้วย
สมุนไพร ที่ต้มเเล้วอย่าทิ้งอย่างเด็ดขาดมีประโยชน์มาก
น้ำที่เหลือจากการต้มสมุนไพรแล้ว เราสามารถมาผสมน้ำไว้แช่อาบหรือใช้ชำระล้างร่างกาย เพื่อเป็นการรักษาและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนังรวมไปถึงเป็นการปรนนิบัติผิว และดีท็อกซ์ (D TOX ) ล้างสารเคมีออกจากผิวได้อย่างดีและสมบูรณ์แบบเลยนะคะ
ประโยชน์ของสมุนไพรไทยนั้นมีมากนะคะ ดังนั้นเราไม่ควรมองข้ามควรใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยความปรารถนาดีจากเรา โรงงานครีมดีเฮ้าส์ ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อความงามครบวงจรค่ะ
